อยากไม่พอ ไม่จบ ไม่สิ้น อดีตมาสาธก ดังต่อไปนี้

 10-Oct08-64-BDS-41

 

อยากไม่พอ ไม่จบ ไม่สิ้น อดีตมาสาธก   ดังต่อไปนี้ :-   
 
ในอดีตกาล  ครั้งปฐมกัป  ได้มีพระราชาพระนามว่าพระเจ้ามหาสมมตราช   โอรสของพระองค์พระนามว่า   โรชะ  โอรสของพระเจ้าโรชะ  พระนามว่า    วรโรชะ  โอรสของพระเจ้าวรโรชะ พระนามว่า กัลยาณะ  โอรสของพระเจ้ากัลยาณะ  พระนามว่าวรกัลยาณะ   โอรสของพระเจ้าวรกัลยาณะ  พระนามว่า  อุโปสถ โอรสของพระเจ้าอุโปสถ พระนามว่า วรอุโปสถ   โอรสของพระเจ้าวรอุโปสถ  ได้มีพระนามว่า  มันธาตุ  พระเจ้ามันธาตุนั้นทรงประกอบด้วยรัตนะ ๗  และอิทธิฤทธิ์  ๔  ครองราชย์เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ  ในเวลาที่พระองค์ทรงคู้พระหัตถ์ซ้ายปรบด้วยพระหัตถ์ขวาฝนรัตนะ  ๗ ก็ตกลงมาประมาณเข่า  ดุจเมฆฝนทิพย์ในอากาศ  พระเจ้ามันธาตุได้เป็นมนุษย์อัศจรรย์เห็นปานนี้  ก็พระเจ้ามันธาตุนั้นทรงเล่นเป็นเด็กอยู่แปดหมื่นสี่พันปี     ทรงครองความเป็นอุปราชอยู่แปดหมื่นสี่พันปี  ทรงครองราชย์เป็นพระเจ้าจักรพรรดิแปดหมื่นสี่พันปี ก็พระองค์ทรงมีพระชนมายุหนึ่งอสงไขย  วันนี้พระเจ้ามันธาตุนั้นไม่สามารถทำกามตัณหาให้เต็มได้  จึงทรงแสดงอาการระอาพระทัย อำมาตย์ทั้งหลายทูลถามว่า  ข้าแต่สมมติเทพพระองค์ทรงระอาเพราะเหตุไร ?  
 
พระเจ้ามันธาตุตรัสว่า    เมื่อเรามองเห็นกำลังบุญของเราอยู่   ราชสมบัตินี้จักทำอะไรได้  ถามที่ไหนหนอจึงจะน่ารื่นรมย์.  
 
อำมาตย์ทั้งหลายกราบทูลว่า   ข้าแต่มหาราช   เทวโลกน่ารื่นรมย์   พระเจ้าข้า  ท้าวเธอจึงทรงพุ่งจักรรัตนะไปยังเทวโลกชั้นจาตุมมหาราชิกาพร้อมด้วยบริษัท  ลำดับนั้น  ท้าวมหาราชทั้ง ๔  ทรงถือดอกไม้และของหอมอันเป็นทิพย์  ห้อมล้อมด้วยหมู่เทพกระทำการต้อนรับ   นำพระเจ้ามันธาตุนั้นไปยังเทวโลกชั้นจาตุมมหาราชิกา   ได้ถวายราชสมบัติในเทวโลก
 
เมื่อพระเจ้ามันธาตุนั้นห้อมล้อมด้วยบริษัทของพระองค์ครองราชสมบัติอยู่ในชั้นจาตุมมหาราชิกานั้น   กาลเวลาล่วงไปช้านาน   พระองค์ไม่สามารถทำตัณหาให้เต็มใน ชั้นจาตุมมหาราชิกานั้นได้  จึงทรงแสดงอาการเบื่อระอา ท้าวมหาราชทั้ง  ๔  จึงทูลถามว่า     ข้าแต่มหาราช     พระองค์ทรงเบื่อระอาเพราะอะไรหนอ  พระเจ้ามันธาตุตรัสว่า  จากเทวโลกนี้   ที่ไหนน่ารื่นรมย์กว่า ท้าวมหาราชทูลว่า   ข้าแต่พระองค์ผู้ประเสริฐ   พวกข้าพระองค์เป็นบริษัทผู้คอยอุปัฏฐากผู้อื่น  ขึ้นชื่อว่าเทวโลกชั้นดาวดึงส์น่ารื่นรมย์ 
 
พระเจ้ามันธาตุจึงพุ่งจักรรัตนะออกไป   ห้อมล้อมด้วยบริษัทของพระองค์    บ่ายหน้าไปยังภพดาวดึงส์   ลำดับนั้น   ท้าวสักกะเทวราชทรงถือดอกไม้และของหอมทิพย์ห้อมล้อมด้วยหมู่เทพ  ทรงทำการต้อนรับรับพระเจ้ามันธาตุนั้น  ทรงจับพระองค์ที่พระหัตถ์แล้วตรัสว่า ข้าแต่มหาราช ขอพระองค์จงเสด็จมาทางนี้  ในเวลาที่พระราชาอันหมู่เทพห้อมล้อมเสด็จไป    ปริณายกขุนพลพาจักรแก้วลงมายังถิ่นมนุษย์พร้อมกับบริษัท  เข้าไปเฉพาะยังนครของตน  ๆ ท้าวสักกะทรงนำพระเจ้ามันธาตุไปยังภพดาวดึงส์   ทรงทำเทวดาให้เป็น  ๒  ส่วน   ทรงแบ่งเทวราชสมบัติของพระองค์กึ่งหนึ่งถวายพระเจ้ามันธาตุ ตั้งแต่นั้นมาพระราชา ๒ พระองค์  ทรงครองราชสมบัติ  (ในภพดาวดึงส์นั้น)    
 
เมื่อกาลเวลาล่วงไปด้วยประการอย่างนี้   ท้าวสักกะทรงให้พระชนมายุสิ้นไปสามโกฏิหกหมื่นปีก็จุติ ท้าวสักกะพระองค์อื่นก็มาบังเกิดแทน แม้ท้าวสักกะพระองค์นั้นก็ครองราชสมบัติในเทวโลกแล้วก็จุติไป  โดยสิ้นพระชนมายุ  โดยอุบายนี้    ท้าวสักกะถึง  ๓๖พระองค์จุติไปแล้ว   ส่วนพระเจ้ามันธาตุยังคงครองราชสมบัติในเทวโลกโดยร่างกายของมนุษย์นั่นเอง  เมื่อเวลาล่วงไปด้วยประการอย่างนี้      กามตัณหาก็ยังเกิดขึ้นแก่พระองค์โดยเหลือประมาณยิ่งขึ้น พระองค์จึงทรงดำริว่า   เราจะได้ประโยชน์อะไรด้วยราชสมบัติในเทวโลกกึ่งหนึ่ง  เราจักฆ่าท้าวสักกะเสีย   ครองราชสมบัติในเทวโลกคนเดียวเถิด  ท้าวเธอไม่อาจฆ่าท้าวสักกะได้   ก็ตัณหาคือความอยากนี้เป็นมูลรากของความวิบัติ  
 
ด้วยเหตุนั้น   อายุสังขารของท้าวเธอจึงเสื่อมไป   ความชราก็เบียดเบียนพระองค์   ก็ธรรมดาร่างกายมนุษย์ย่อมไม่แตกดับในเทวโลก ลำดับนั้น  พระเจ้ามันธาตุนั้นจึงพลัดจากเทวโลกตกลงในพระราชอุทยาน  พนักงานผู้รักษาพระราชอุทยานจึงกราบทูลความที่พระเจ้ามันธาตุนั้นเสด็จมาให้ราชตระกูลทราบ ราชตระกูลเสด็จมา    พากันปูลาดที่บรรทมในพระราชอุทยานนั่นเอง
 
พระราชาทรงบรรทมโดยอนุฏฐานไสยาศน์   อำมาตย์ทั้งหลายทูลถามว่า  ขอเดชะ  ข้าพระองค์ทั้งหลาย จะกล่าวว่าอย่างไร  เฉพาะพระพักตร์ของพระองค์  พระเจ้าข้า พระเจ้ามันธาตุตรัสว่า   ท่านทั้งหลาย ถึงบอกข่าวสาสน์นี้แก่มหาชนว่า   พระเจ้ามันธาตุมหาราชครองราชสมบัติเป็นพระเจ้าจักรพรรดิในมหาทวีปทั้ง  ๔  มีทวีปน้อยสองพันเป็นบริวาร  ครองราชสมบัติในเทวโลกชั้นจาตุมมหาราชิกาตลอดกาลนานแล้วได้ครองราชสมบัติในเทวโลกตามปริมาณพระชนมายุของท้าวสักกะถึง ๓๖ องค์   ยังทำตัณหาคือความอยากให้เต็มไม่ได้เลย  ได้สวรรคตไปแล้ว  ครั้นพระองค์ตรัสอย่างนั้นแล้วก็สวรรคตเสด็จไปตามยถากรรม
 
พระศาสดาครั้นทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้วเป็นผู้ตรัสรู้ยิ่งแล้วได้ตรัสพระคาถาเหล่านี้ว่า :-               
พระจันทร์  พระอาทิตย์  ( ย่อมเวียน   รอบเขาสิเนรุราช )   ส่องรัศมีสว่างไสวไปทั่ว ทิศโดยที่มีกำหนดเท่าใด สัตว์ทั้งหลายที่ อาศัยแผ่นดินอยู่ในที่มีกำหนดเท่านั้น  ล้วนเป็นทาสของพระเจ้ามันธาตุราชทั้งสิ้น ความอิ่มในกามทั้งหลายย่อมไม่มี  เพราะฝนคือ กหาปณะ   กามทั้งหลายมีความยินดีน้อย  มีทุกข์มาก บัณฑิตย่อมรู้ชัดอย่างนี้  ภิกษุผู้ เป็นสาวกของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ย่อมไม่ถึงความยินดีในกามทั้งหลาย  แม้ที่เป็นทิพย์  เป็นผู้ยินดีในความสิ้นไปแห่งตัณหา
  
ความบางส่วนในมันธาตุชาดก
#ขุ.ชา.๕๘/๓๗๓/๗๒
 
ธรรมะจากพระโอษฐ์
(รวบรวมโดย พระอาจารย์พงษ์พันธ์ ฉนฺทกโร 
ที่พำนักสงฆ์สวนโพธิญาณ จ.กาญจนบุรี)

เกี่ยวกับเรา

Maya-Logo3

มูลนิธิมายา โคตมี เป็นองค์กรการกุศลที่ไม่หวังผลกำไร เพื่อสนับสนุนเยาวชนในด้านการศึกษาและสร้างเสริมจริยธรรม และเพื่อการพัฒนาตนตามหลักพระพุทธศาสนา

Contact Us/ติดต่อเรา

มูลนิธิมายา โคตมี

3 ซอยกรุงเทพกร๊ฑา 20 แยก 7
แขวงทับช้าง เขตสะพานสูง กรุงเทพฯ   10250

โทร. 02-368-3991, 06-1662-9077

E-mail: mayagotami.web@gmail.com

facebook : MayaGotami Foundation

www.mayagotami.net

line id : @mayagotami

 

แผนที่มูลนิธิ